รถ EV รุ่นแรกของโลก

รถ EV รุ่นแรกของโลก ที่มีประวัติยาวนานเกือบ 200 ปี 

รถ EV รุ่นแรกของโลก

ยุคนี้นับว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของรถยนต์ EV หรือ รถยนต์ไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่า รถ EV รุ่นแรกของโลก ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว ซึ่งก็ถือว่าเก่าแก่พอ ๆ กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน แต่สาเหตุอะไรที่ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าหายไปตลอดหลายสิบปี วันนี้เราจะพาทุกคนไปย้อนอดีตหาคำตอบกัน

ย้อนอดีตตามหา รถ EV รุ่นแรกของโลก 

รถ EV รุ่นแรกของโลก

รถ EV รุ่นแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกราวปี 1832 โดย Robert Anderson นักประดิษฐ์ชาวสกอตแลนด์ ซึ่งเขาเริ่มคิดค้นและประดิษฐ์รถไฟฟ้าคันแรกระหว่างปี 1832 – 1839 โดยสร้างจากรถม้าและติดเครื่องยนต์ที่สามารถขับเครื่องด้วยพลังงานไฟฟ้าเข้าไป และใช้แบตเตอรี่แบบเซลล์กัลวานิก ซึ่งแบตเตอรี่แบบนี้จะไม่สามารถชาร์จใหม่ได้ ดังนั้นจึงทำให้มันไม่สามารถเอามาใช้งานในชีวิตจริงได้ กระทั่งในช่วงปี 1841 รถยนต์ไฟฟ้าของ Robert ได้ปรากฏตัวสู่สายตาผู้คนครั้งแรก และความพิเศษของ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า คันนี้คือสามารถวิ่งได้ไกลถึง 1.5 ไมล์ ที่ความเร็ว 4 ไมล์ต่อชั่วโมง อัตราลากจูง 6 ตัน และหลังจากนั้นต้องการแบตเตอรี่ใหม่

จากนั้นในปี 1859 แบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟได้ถือกำเนิดขึ้น และในปี 1881 รถยนต์ EV อีกคันปรากฏตัวในงาน d’Électricité de Paris กลางกรุงปารีส ซึ่งรถคันนั้นถูกประดิษฐ์ขึ้นโดย Gustave Trouve วิศวกรไฟฟ้าและนักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเพียงการโชว์ตัวเท่านั้น ดังนั้นหลายคนจึงไม่นับรถที่ Robert Anderson และ Gustave Trouv ประดิษฐ์ขึ้นว่าเป็น รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของโลก กระทั่งในปี 1888 รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ไกล พร้อมความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยรถคันดังกล่าวเป็นผลงานของ Andreas Flocken นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน โดยสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ของเขามีชื่อว่า Flocken Elektrowagen ซึ่งเป็นรถที่สามารถวิ่งได้เร็ว 15 กม./ชม. 

ในขณะเดียวกันฟากฝั่งของสหรัฐอเมริกา ในปี 1888 ตามรายงานของ Des Moines Register หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมือง Des Moines รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา ได้มีการรายงานถึงการปรากฏตัวของรถยนต์ไฟฟ้าคันแรงของสหรัฐในขบวนพาเหรดของเมือง ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 4 แรงม้า และความเร็วสูงสุดตามรายงานที่ 20 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้มีเซลล์แบตเตอรี่ 24 เซลล์ที่ต้องชาร์จใหม่ทุก ๆ 50 ไมล์ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าในช่วงปี 1888 – 1900 เริ่มมีนักประดิษฐ์จากหลากหลายประเทศได้มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ออกมาหลายท่านอย่างแน่นอน หรือจะเรียกว่ายุคนั้นเป็นยุคเริ่มต้นความเฟื่องฟูของรถยนต์ไฟฟ้าเลยก็ว่าได้

สาเหตุที่คาดว่าจะทำให้ รถไฟฟ้า หายไปและไม่ได้รับความนิยม

หลังจากที่รถ EV รุ่นแรกของโลก ได้ถือกำเนิดขึ้น และเริ่มมีการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ทั่วไป และเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการนำมาทำแท็กซี่ แต่ก็ไม่ได้หลายความว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีข้อจำกัด เพราะถึงแม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าในยุคนั้นจะสามารถชาร์จไฟฟ้าได้แล้วแต่การที่จะเดินทางข้ามเมือง หรือเดินทางไกล ๆ ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังนับว่ามีข้อจำกัดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้ายังมีราคาสูงมากพอสมควร จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์หลาย ๆ คนมีความพยายามที่จะพัฒนาแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีของยุคนั้นค่อนข้างจะมีความจำกัดมากพอสมควรจึงทำให้การพัฒนาอาจจะเรียกได้ว่ามาถึงทางตัน

ขนะเดียวกันในปี 1908 รถยนต์ส่วนบุคคลจาก Ford ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในชื่อ Ford Model T และถึงแม้ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากน้ำมัน แต่ด้วยการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม ทำให้ Ford Model T กลายเป็นรถยนต์พลังงานน้ำมันที่มีทั้งความทนทาน ใช้งานง่าย และที่สำคัญคือมีราคาถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในยุคนั้นกว่าเกือบ 10 เท่า จึงทำให้ผู้คนเริ่มหันไปใช้ในรถเครื่องยนต์สันดาปเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกัน วิวัฒนาการของรถยนต์ไฟฟ้า ก็ยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งในปัจจุบันที่รถยนต์ไฟฟ้าก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และที่สำคัญ รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ยังสามารถวิ่งได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร อีกทั้งยังมีกำลังแรงไม่แพ้รถยนต์พลังงานน้ำมันเลยทีเดียว

อ่านข่าวสารรถอื่น ๆ >> MOTOGP 2023 เปิดฉากขึ้นอย่างสวยงาม ที่โปรตุเกสสนามแรก

10 อันดับ ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ราคาถูก ประจำปี 2566 ทนทาน กับทุกสภาพถนน และยึดเกาะถนนได้ดี

RELATES POST

NETA V ราคา

รู้จักรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน NETA V ราคา สเปค และคุณสมบัติโดนใจคนรักษ์โลก

ในปัจจุบันบริษัทผลิตรถยนต์หลายแบรนด์ได้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ด้วยกระแ

READ MORE
เช็คภาษีรถยนต์

วิธี เช็คภาษีรถยนต์ พร้อมแนะนำการยื่นภาษีออนไลน์ด้วยตัวเองฉบับเข้าใจง่าย 

การต่อภาษีรถยนต์เป็นสิ่งที่ต้องทำทุกปีตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ในกรณีที่ไม่ได้ต่อภาษีรถยนต์นานติดต่อก

READ MORE