ทุกวันนี้เทคโนโลยีทางด้านยนตรกรรมมีความเจริญก้าวหน้าล้ำสมัยไปมาก ทำให้มีการพัฒนาในการผลิตรถยนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่ซุปเปอร์คาร์ หรือไฮเปอร์คาร์ แต่ยังมีรถซุปเปอร์พรีเมียม ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องของราคาเลย เพราะรถระดับนี้มีราคาแพงแสนแพงเลยแหละ ในวันนี้เราจะมาจัด 10 อันดับรถที่แพงที่สุด ในคริสต์ศักราช 2021 นี้ ถือว่าเป็นรถที่ระดับเศรษฐี และอภิมหาเศรษฐีนั้นต่างจับจ้องที่จะเป็นเจ้าของ เนื่องจากมีการผลิตออกมาเพียงไม่กี่คันในโลก ทำให้ต่างคนต่างจ้องจะจับจอง แล้วจะมีรถแบรนด์ไหนบ้างที่ติด 10 อันดับรถที่แพงที่สุดในปี 2021 มาดูกันเลย
10.LAMBORGHINI SIAN
(ราคา 3.6 MILLION USD/110 ล้านบาท)
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในปี 2021 คันแรก SUPERCAR พลังงาน HYBRID ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6.5 ลิตร V12 ซึ่งสามารถสร้างกำลังได้ถึง 784 แรงม้า และเสริมการทำงานด้วยระบบ MIND-HYBRID ด้วย จากมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาด 34 แรงม้า สามารถทำให้เค้นกำลังได้สูงสุดถึง 818 แรงม้าเลยทีเดียว โดยส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ล้อ เป็นเกียร์แบบ AUTOMATIC 7 SPEED ซึ่งสามารถทำอัตราเร่งตั้งแต่ 0-100 ในเวลา 2.8 วินาที และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในส่วนของแบตเตอรี่ที่ใช้เก็บไฟนั้นใช้เพื่อจ่ายพลังให้มอเตอร์ไฟฟ้า ใช้งานแบตเตอรี่ LITHIUM-ION แบบใหม่ที่ให้กำลังไฟฟ้ามากกว่าทั่วไป ซึ่งให้กำลังถึง 3 เท่า ถ้าเทียบในน้ำหนักที่เท่ากัน และรถรุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 63 คันเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ได้ขายออกไปหมดแล้ว
9.BUGATTI CHIRON SUPER SPORT 300+
(ราคา 3.9 MILLION USD/128 ล้านบาท)
ภายนอกของรถรุ่นนี้ถูกประกอบด้วยชิ้นส่วนจาก CARBON FIBER สีดำที่ให้ความรู้สึกเบาและสวยงาม ตัดด้วยลวดลายสีส้ม และได้ติดตั้งขุมพลัง W16 ขนาด 8.0 ลิตร พ่วงด้วยเทอร์โบ 4 ลูก และยังถูกปรับแต่งให้สามารถส่งกำลังได้สูงสุดถึง 1,600 แรงม้าเลยทีเดียว ซึ่งเพิ่มจากรุ่นเดิม 100 เท่า อีกทั้งยังมีการปรับปรุงท่อไอเสียใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสปอร์ตมากขึ้นนั่นเอง BUGATTI CHIRON SUPER SPORT 300+ ผลิตออกมาเพียง 30 คันเท่านั้น และถูกจองหมดแล้ว
8.LAMBORGHINI VENENO
(ราคา 4.5 MILLION USD/144 ล้านบาท)
หลายจุดของรถรุ่นนี้ทำจาก CARBON FIBER โดยมีกรอบไฟหน้าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนช่องดักลมนั้นมีขนาดใหญ่ออกแบบตามหลัก AERODYNAMICS เพื่อให้รถลู่ลมทะยานแหวกอากาศได้เต็มประสิทธิภาพ และมีบั้นท้ายที่มีแผง DIFFUSER รีดอากาศขนาดใหญ่อีกด้วย ล้ออัลลอยสีดำขอบแดงตัดกับสีรถออกมาอย่างลงตัว ในส่วนของห้องโดยสารนั้นออกแบบมาอย่างสวยงาม ซึ่งตกแต่งมาตรวัดให้มีความสปอร์ตมากขึ้น นอกจากนี้ก็มีเบาะหนังที่ตัดเย็บด้วยวัสดุพิเศษ CARBONSKIN
LAMBORGHINI VENENO มีขุมพลังของเครื่องยนต์คือ V12 มีความจุกระบอกสูบ 6.5 ลิตร สามารถวิ่งด้วยกำลังแรงสูงสุดถึง 750 แรงม้า พร้อมกับระบบเกียร์ ISR 7 SPEED อัตราเร่งอยู่ที่ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 2.8 วินาที ซึ่งทำความเร็วได้สูงสุดถึง 355 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต้องบอกว่ารถรุ่นนี้ผลิตออกมาน้อยมากจริง ๆ เพราะผลิตออกมาเพียงแค่ 3 คันเท่านั้น และแน่นอนถูกขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
7.KOENIGSEGG CCXR TREVITA
(ราคา 4.8 MILLION USD/153 ล้านบาท)
รถยนต์รุ่นสูงสุดในตระกูลของ CCXR ซึ่งมีความพิเศษอยู่ที่ตัวถัง เพราะทำจากวัสดุ CARBON FIBER ที่มีน้ำหนักเบา ถูกดีไซน์มาในรูปแบบสีขาวประกายเพชร และได้ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 มีความจุ 4.8 ลิตร โดยให้กำลังสูงสุดถึง 1,004 แรงม้า รถยนต์ของตระกูล CCXR นั้นถูกผลิตออกมาจำหน่ายเพียงแค่ 49 คันเท่านั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนโมเดลเป็น AGERA ในเวลาต่อมา ซึ่ง KOENIGSEGG CCXR TREVITA นี้ถูกผลิตออกมาเพียงแค่ 3 คันเท่านั้น และขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
6.PAGANI HUAYRA IMOLA
(ราคา 5.4 MILLION USD/178 ล้านบาท)
HYPERCAR สัญชาติอิตาลีที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ PAGANI เคยสร้างมา ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 มีความจุ 6.2 ลิตร TWIN-TURBO จาก MERCEDES-AMG โดยให้กำลังสูงสุดถึง 827 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดถึง 1,100 นิวตันเมตร ในส่วนของตัวรถนั้นมีความโดดเด่นตรงที่ปีกหลัง เพราะถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ และช่องดักลมบนหลังคาเป็นแบบ CHASSIS MONOCOCK เสริมให้มีความแข็งแกร่งด้วยวัสดุชนิดพิเศษ ซึ่ง PAGANI HUAYRA IMOLA นี้ผลิตออกมาเพียงแค่ 5 คันเท่านั้น และขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
5.BUGATTI DIVO
(ราคา 5.8 MILLION USD/191 ล้านบาท)
เป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว ตั้งแต่หัวจรดท้าย การออกแบบนั้นจะเน้นลู่ลมตามหลัก AERODYNAMICS สามารถสร้าง DOWNFORCE ได้มากกว่า CHIRON ถึง 90 กิโลกรัม โดยมีฝาครอบเครื่องยนต์ออกแบบมาอย่างพิเศษอีกด้วย และในส่วนของสปอยเลอร์หลังนั้นจะมีความกว้างกว่า CHIRON ถึง 23 % นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักที่เบากว่า 35 กิโลกรัม
BUGATTI DIVO มีขุมพลังเครื่องยนต์ W16 ความจุอยู่ที่ 8.0 ลิตร อัดอากาศด้วย TURBO CHARGE 4 ตัว และให้กำลังสูงสุดถึง 1,500 แรงม้าเลยทีเดียว ส่วนแรงบิดสูงสุดถึง 1,600 นิวตันเมตร โดยทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 2.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดไว้ที่ 380 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถูกผลิตออกมาเพียงแค่ 40 คันเท่านั้น และถูกจับจองหมดแล้ว
4.MERCEDES MAYBACH EXELERO
(ราคา 8 MILLION USD/254 ล้านบาท)
รถยนต์ดีไซน์อย่างหรูหราจากเยอรมนี เป็นรถยนต์แบบ COUPE สองที่นั่ง จากโปรเจกต์ของ MERCEDES-BENZ MAYBACH S-CLASS และ FULDA REIFENWERKE จากบริษัทยางในเครือของ GOODYEAR ซึ่งร่วมกันพัฒนาออกมาอย่างล้ำสมัยของเทคโนโลยี และมาพร้อมกับดีไซน์ที่หรูหรา น่าเกรงขาม โดยผลิตจาก CARBON FIBER สีดำเงาวาววับ และเป็นเครื่องยนต์ V12 TWIN-TURBO ให้กำลังสูงสุดถึง 700 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 1,000 นิวตันเมตร โดยให้ความเร็วสูงสุดถึง 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถยนต์รุ่นนี้ผลิตออกมาเพียงแค่ 1 คันเท่านั้น ถือว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลกเลย ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าไม่นานก็มีเจ้าของ
3.BUGATTI CENTODIECI
(ราคา 9 MILLION USD/297 ล้านบาท)
HYPERCAR มาแรงรุ่นใหม่ที่ใคร ๆ ก็จับตามอง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก EB110 SS ที่มีความโดดเด่นด้วยไฟหน้าที่เป็นแบบ LED รูปทรงเรียวบางพร้อมกับไฟแบบ DAYLIGHT มาพร้อมกับช่องดักอากาศออกแบบตามหลัก AERODYNAMICS โดยมีบั้นท้ายที่มาพร้อมกับสปอยเลอร์ขนาดใหญ่ ไฟท้ายจะเป็นแบบ LED เรียวตามแนวยาว และแผงรีดอากาศ DIFFUSER หลังขนาดใหญ่อีกด้วย ซึ่งออกแบบมารับท่อไอเสียทั้ง 4 ท่อ ตัดขอบด้วยแถบขาวตามจุดต่าง ๆ
BUGATTI CONTODIECI มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน DOHC W16 มีขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบ 4 ตัว และให้กำลังสูงสุดถึง 1,600 แรงม้า โดยมีระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทซ์คู่แบบ 7 จังหวะ ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 2.4 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 380 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถรุ่นนี้ถูกผลิตออกเพียงแค่ 10 คันเท่านั้น และมีเจ้าของหมดแล้วด้วย
2.ROLLS ROYCE SWEPTAIL
(12.8 MILLION USD/407 ล้านบาท)
ต้องบอกว่าเป็นอัครยานยนต์สุดหรูเลยก็ว่าได้ มี 2 ประตู 2 ที่นั่ง เป็นแบบ BESPOKE ออกแบบด้านหลังแบบท้ายลาด และมีกระจังหน้าขนาดใหญ่ ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมที่ขัดด้วยมือ และการออกแบบด้านข้างนั้นมีแรงบันดาลใจจากเรือยอร์ช ปิดท้ายด้วยหลังคาแบบ PANORAMIC SUNROOF ขนาดใหญ่ ซึ่งมีความซับซ้อนมากทีเดียว โดยภายในนั้นได้ติดตั้งปุ่ม ALL CONTROL บนแผงแดชบอร์ด มาพร้อมกับนาฬิกาที่ใช้วัสดุจาก TITANIUM ในการทำตัวเลขและเข็มนาฬิกา ส่วนลายไม้นั้นทำจาก MACASSAR EBONY และ PALDAO WOOD ในส่วนของเบาะนั่ง ที่วางแขน และด้านบนของแผงแดชบอร์ดนั้นทำจากวัสดุหนัง DARK SPICE
ROLLS ROYCE SWEPTAIL ใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกันกับ ROLLS-ROYCE PHANTOM ก็คือใช้เครื่องยนต์เบนซิน V12 นั่นเอง โดยมี 6.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 459 แรงม้า 5,350 รอบ/นาที โดยมีแรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที และส่งกำลังที่วงล้อผ่านเกียร์ AUTOMATIC 6 จังหวะ และเช่นเดียวกันรถยนต์รุ่นนี้ผลิตออกมาเพียง 1 คันเท่านั้น
1.BUGATTI LA VOITURE NOIRE
(ราคา 18.7 MILLION USD/600 ล้านบาท)
มาถึงอันดับหนึ่ง NUMBER 1 ของเรา ต้องบอกว่านอกจากจะเป็นรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดแล้ว ยังเป็นสุดยอด SUPERCAR คันเดียวในโลกอีกด้วย ได้ดีไซน์ออกมาด้วยสีดำคูล ๆ โดยตัวถังนั้นผลิตจาก CARBON FIBER ที่มีเส้นใยละเอียด พ่นด้วยสีดำแบบ DEEP BLACK GLOSS
การออกแบบของ BUGATTI LA VOITURE NOIRE นั้นได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น TYPE 57SC ATLANTIC ดีไซน์สปอร์ตออกมาอย่างหรูหราและพิเศษ แถบไฟเบรกนั้นเป็นแบบ LED ที่ถูกออกแบบมาเต็มความกว้างของส่วนท้าย พร้อมกับท่อไอเสีย 6 ท่อ
BUGATTI LA VOITURE NOIRE มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน W16 ขนาด 8.0 ลิตร พร้อมกับ TURBO CHARGE 4 ตัว ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 1,500 แรงม้า แรงบิดอยู่ที่ 1,600 นิวตันเมตร โดยผสานกับเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัทซ์แบบ 7 SPEED สามารถทำความเร็วสูงสุด 380 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จบกันไปแล้วกับการจัดอันดับรถที่แพงที่สุด ซึ่งเป็น 10 อันดับแรก ถือว่าเป็นการจัดอันดับรถที่มีราคาแพงที่สุดในโลกและในปีนี้ด้วย ต้องบอกว่ารถแต่ละรุ่นนั้นได้ถูกผลิตออกมาอย่างจำนวนจำกัด และเมื่อผลิตออกมาได้ไม่นานก็มีเหล่าคนดังและนักสะสมจับจองไปหมดซะก่อน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปเอื้อมไม่ถึงเลย แต่ถ้าหากมีเงินที่มากพอก็อาจจะซื้อต่อจากเจ้าของรถได้ เพราะเหล่าคนดังหลายคนนั้นก็ได้ซื้อต่อจากนักสะสมรถยนต์ทั้งหลาย จนในที่สุดได้มาครอบครองเป็นของตัวเอง แต่ต้องบอกเลยว่าราคาที่ขายต่อนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย ยิ่งแพงขึ้นมากกว่าเดิมด้วย
LAMBORGHINI SIAN BUGATTI CHIRON SUPER SPORT 300+ LAMBORGHINI VENENO PAGANI HUAYRA IMOLA KOENIGSEGG CCXR TREVITA BUGATTI DIVO MERCEDES MAYBACH EXELERO BUGATTI CENTODIECI ROLLS ROYCE SWEPTAIL BUGATTI LA VOITURE NOIRE
