ROLLS-ROYCE WRAITH EAGLE VIII เป็นรถยนต์ใหม่ในปี 2019 ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งเหตุการณ์สำคัญในศตวรรษที่ 20 ที่กัปตัน JOHN ALCOCK, LIEUTENANT ARTHUR BROWN และ SIR HENRY ROYCE ได้บินเสี่ยงตายในช่วงเดือนมิถุนายน ในปี ค.ศ.1919 แบบไม่หยุดพักเลย โดยเริ่มตั้งแต่เมือง ST.JOHN ในประเทศแคนาดา ได้บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสู่เมือง CLIFDEN ในประเทศไอร์แลนด์ ด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดลำแรกของโลก VICKERS VIMY เครื่องบินปีกคู่ที่ใช้เครื่องยนต์ ROLLS-ROYCE EAGLE VIII 20.3 ลิตร 2 เครื่องยนต์ 350 แรงม้า และเป็นปีที่ครบรอบ 100 ปีพอดี โรลส์-รอยซ์ จึงได้ผลิต ROLLS-ROYCE WRAITH EAGLE VIII ขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองในความสำเร็จครั้งนี้ โดยใช้พื้นฐานจากตัว ROLLS-ROYCE WRAITH ในรุ่นปัจจุบัน และรถรุ่นนี้จะผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัดเพียง 50 เท่านั้น
การดีไซน์ภายนอก
ภายนอกของ ROLLS-ROYCE WRAITH EAGLE VIII ดีไซน์ออกมาด้วยสีแบบพิเศษ GUNMETAL เป็นหลัก และตัดกันด้วยสีเทา SELBY GREY มาพาดด้านบนทั้งกระโปรงหน้า จนยาวไปทั้งหลังคาและด้านหลังเลย ซึ่งการดีไซน์โดยรวมของภายนอกนั้นได้บ่งบอกถึงความเป็น ROLLS-ROYCE ได้เป็นอย่างดีเลย ตามสไตล์ของรถยนต์ที่ไม่เน้นสมรรถนะในการขับขี่มากนัก แต่จะเน้นไปที่ความสะดวกสบายเป็นหลัก เหมาะสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการความเงียบสงบ
การดีไซน์ภายใน
การดีไซน์ภายในของ ROLLS-ROYCE WRAITH EAGLE VIII นั้นได้ตกแต่งด้วยหนังแท้สีดำและตัดด้วยสีเทา SELBY GREY ทั้งห้องโดยสารนั้นจะขลิบด้วยสีทองเหลืองในบางจุด โดยเฉพาะที่ฝาปิดลำโพง ที่มีการระบุระยะทาง 1,880 ไมล์ ซึ่งเป็นระยะทางที่ VICKERS VIMY ได้บินข้ามมหาสมุทรอีกด้วย อีกทั้งยังมีการติดคำพูดของ WINSTON CHURCHILL ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษในช่วงนั้นด้วยว่า “I DO NOT KNOW WHAT WE SHOULD MOST ADMIRE – THEIR AUDACITY, DETERMINATION, SKILL, SCIENCE, THEIR AEROPLANE, THEIR ROLLS-ROYCE ENGINES – OR THEIR GOOD FORTUNE” และถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็คือ “ผมไม่รู้ว่าพวกเราควรจะยกย่องอะไรของพวกเขามากที่สุด ทั้งความกล้าหาญ, ความมุ่งมั่น, ทักษะ, วิทยาศาสตร์, เครื่องบินของพวกเขา, เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ของพวกเขา หรือความโชคดีของพวกเขาดี) และนอกจากนี้เพดานภายในห้องโดยสารนั้นก็ยังถูกตกแต่งด้วยแสงไฟที่จะส่องออกมาจากสานไฟเบอร์ ซึ่งเป็นดวงดาวทั้งหมดรวม 1,183 ดวง อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับค่ำคืนที่เครื่องบินนั้นได้บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก อีกทั้งยังมีนาฬิกา ANALOG ที่ติดอยู่บนแผงคอนโซลด้วย ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ถูกสั่งผลิตออกมาเป็นพิเศษให้วางอยู่บนรูปแท่นน้ำแข็ง
และตัวนาฬิกาก็จะถูกรายล้อมไปด้วยวงกลมพรายน้ำสีเขียวที่เป็นแบบเดียวกันกับแป้นบอกทิศทางที่อยู่บนเครื่องบินด้วย Rolls-Royce Wraith จำหน่ายในรูปลักษณ์เดียวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไฟหน้าแบบปรับได้พร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนที่ปัดน้ำฝน ไฟท้าย LED; และกระจกมองข้างแบบพับไฟฟ้าแบบปรับลดแสงอัตโนมัติเพื่อเป็นชื่อไม่กี่อย่าง เบาะนั่งแถวหน้าสามารถปรับได้ 8 ทิศทางและเก้าอี้ทุกตัวในห้องโดยสารจะได้รับความร้อน ทุกรุ่นมาพร้อมกับระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซนเช่นเดียวกับกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติและพวงมาลัยปรับไฟฟ้า ที่ด้านหน้าเทคโนโลยี Wraith มีสเตอริโอ 18 ลำโพงและ Wi-Fi ฮอตสปอต นอกจากนี้แกรนด์ทัวร์นี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่เช่นเซ็นเซอร์ที่จอดรถและคำเตือนการออกนอกเลน
เครื่องยนต์
อ้างอิงถึงเครื่องบินที่ผ่านการปรับแต่งเป็นพิเศษ โดยได้ติดตั้งเครื่องยนต์ของ ROLLS-ROYCE WRAITH EAGLE VIII ที่ให้พละกำลัง 350 แรงม้า ถึง 2 ตัว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อรุ่นสำหรับยนตรกรรมสุดพิเศษนี้ เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของการเดินทาง โดยเครื่องยนต์ของโรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 นี้สามารถทำลายสถิติด้วยความเร็วเฉลี่ยสูงถึง 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เครื่องยนต์เกียร์และสมรรถนะ
V-12 เทอร์โบคู่ขนาด 6.6 ลิตรที่ยอดเยี่ยมของ Wraith ให้กำลัง 624 แรงม้าและแรงบิด 605 ปอนด์ฟุตพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแปดสปีด โรลส์ – รอยซ์รุ่นนี้เป็นผู้ขับขี่ด้านหลังโดยเฉพาะให้การควบคุมที่ทรงตัวและควบคุมได้ พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาและระบบกันสะเทือนอากาศได้รับการปรับเทียบเพื่อป้องกันการกระแทกและการกระแทกจากการกระแทกผู้โดยสารในรถ เราประเมินว่า Wraith จะวิ่งไปที่ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาประมาณ 4.3 วินาที
