NISSAN SKYLINE GT-R R35 อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสุดหรูพร้อมสู้อยู่เสมอ
NISSAN ได้นำ GT-R ตัวโมเดล R35 ซึ่งเป็นรุ่นแรกจำหน่ายแทนตัวเดิมมีชื่อว่า R34 ประมาณปี 2007 ก่อนที่จะนำออกจำหน่ายทั่วโลก โดยที่ไปเจาะในตลาดยุโรปเพื่อที่จะแข่งกับ PORSCHE 911 TURBO และจากการที่ NISSAN ทำยอดขายในยุโรปกว่า 1,600 คัน ก็ถือว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่โดดเด่นอีกคันหนึ่ง แล้วพอผลตอบรับออกมาดีทาง NISSAN จึงตัดสินใจพัฒนามาเป็น R35 เพื่อเสริมตลาด ซึ่งถือว่าตีโจทย์ได้เป็นอย่างดีเลย เพราะ R-34 และ R-35 ถือว่าเป็นซูเปอร์คาร์ที่หลายคนอยากจะขับ โดยที่ไม่จำเป็นต้องแต่งเติมอะไรเลย เพราะตัวรถนั้นก็ดูดีอยู่แล้ว
Nissan GT-R อยู่กับเรามานานเชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นเคยกับรถรุ่นนี้กันเป็นอย่างดี แต่ในอดีตช่วงเวลานั้นรถสปอร์ตญี่ปุ่นมีการพัฒนาเพิ่มราคาและประสบความสำเร็จในการแข่งขันกับรถยนต์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันอย่างน้อยก็จากมุมมองด้านประสิทธิภาพ ระดับการยึดเกาะนั้นยอดเยี่ยมการยึดเกาะมีความเหนียวแน่นและการเร่งความเร็วของการแตะนั้นน่าทึ่งด้วย V6 3.8 ลิตรเทอร์โบชาร์จคู่ที่น่ากลัวแม้จะมีประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง แต่ GT-R ก็ให้ความรู้สึกล้าสมัยเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ทันสมัยและซับซ้อนกว่า ราคาที่สูงเกินจริงของ Nissan ได้เปรียบเทียบกับคู่แข่งที่มีพรสวรรค์เช่น Porsche 911 และ Aston Martin Vantage ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ให้ความรู้สึกพิเศษและเหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตามหากความเร็วแบบจุดต่อจุดเป็นเป้าหมายของคุณ GT-R ยังคงเอาชนะได้Nissan GT-R เป็นที่รู้จักภายในและโดยผู้ที่ชื่นชอบในฐานะ R35 ในสายตระกูลนั้นเป็นรถทัวร์ทางเทคโนโลยีที่ใช้กลไกทางกลและตัวช่วยทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร่งการขายได้เร็วที่สุดในประเทศ
ดีไซน์ภายนอก NISSAN SKYLINE GT-R R35
ทาง NISSAN ได้พัฒนากันอยู่หลายจุด โดยเริ่มจากภายนอกตัวรถนั้นได้ทำการเคลือบแลกเกอร์ 2 ชั้นในส่วนของกันชนหน้าและกันชนหลัง รูปทรงภายนอกนั้นจะเป็นทรงที่มีความเหลี่ยมสันมากขึ้น และดูทันสมัยมากกว่าเดิม โดยภายนอกนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับตัว GIANT ROBOTS ของการ์ตูนยอดฮิตอย่าง GUNDAM เช่นนี้เองจึงทำให้ GT-R R35 นี้ดูใหญ่ขึ้นมา
INTERIOR ของ NISSAN SKYLINE GT-R R35
ภายในห้องโดยสารนั้นทาง NISSAN ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเฉพาะการใช้สีแบบ METAL METALLIC ที่กรอบของเกจ ในส่วนของระบบเครื่องเสียงนั้นก็ได้พัฒนาเพิ่มเติม ซึ่งระบบเครื่องเสียงนี้จะให้ความจุไว้สำหรับเก็บข้อมูล หรือที่เรียกว่า HARD DISK DRIVE ที่มีขนาด 40 GB และมี GPS นำทางส่วนทางด้านของเครื่องเล่น CD ซึ่งสามารถใส่แผ่นได้ถึง 300 แผ่นเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีจอขนาด 7 นิ้ว โดยมีความคมชัดกว่ารุ่น R34 ถึง 4 เท่าเลย ภายในเบาะนั่งด้านหน้าของ GT-R มีพื้นที่กว้างขวาง แต่ที่นั่งด้านหลังเป็นที่สำหรับเด็กเล็กเท่านั้นที่สามารถนั่งสบายได้ การตกแต่งภายในได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและมีคุณสมบัติมาตรฐานมากมาย แต่ผู้ที่มองหาการตกแต่งภายในระดับไฮเอนด์เช่น Audi R8 หรือ Mercedes-AMG GT จะต้องผิดหวัง ทุกรุ่นมีระบบควบคุมสภาพอากาศแบบดูอัลโซนเบาะหุ้มหนังและหนังกลับเบาะหน้าอุ่นและอื่น ๆ ที่เก็บของภายในแบบ cubby แทบจะไม่มีอะไรมากไปกว่ากระเป๋าข้างประตูขนาดใหญ่และถังขยะที่คอนโซลกลางขนาดเล็กอีกทั้งหน้าจอก็ยังเป็นระบบ TOUCH SCREEN อีกด้วย
ในส่วนของ SOFTWARE ของ NISSAN SKYLINE GT-R R35 ก็ได้เพิ่มเข้ามาเพื่อการจำหน่ายในโซนยุโรป ซึ่งเป็นภาษาของหน้าจอ TOUCH SCREEN ที่มีภาษาทั้งหมด 8 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน อิตาลี โปรตุเกส ดัตช์ และรัสเซีย และมีระบบจำเสียงของทั้ง 8 ภาษาอยู่ด้วย GT-R ทุกๆ 2021 จะติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 8.0 นิ้วที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่มหมุนที่คอนโซลกลาง ในขณะที่ความสามารถของ Apple CarPlay การนำทางในตัวและระบบเสียง Bose เป็นมาตรฐาน แต่ Android Auto ไม่ใช่ตัวเลือก ระบบสาระบันเทิงนั้นใช้งานง่ายแม้ว่ากราฟิกและเมนูจะไม่น่าสนใจที่สุดก็ตาม ถือว่าไฮเทคสุด ๆ ไปเลย นอกจากนี้ก็ยังมีระบบ BLUETOOTH ไว้สำหรับใช้กับโทรศัพท์อีกด้วย
การช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสุดของ NISSAN SKYLINE GT-R R35
GT-R ปี 2021 ยังไม่ได้รับการทดสอบการชนโดย National Highway Traffic and Safety Administration (NHTSA) หรือ Insurance Institute for Highway Safety (IIHS) คุณจะไม่พบคุณสมบัติช่วยเหลือผู้ขับขี่ของ Nissan ที่นี่ แต่เพื่อความเป็นธรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้ไม่ได้มีอยู่ทั่วไปในคู่แข่งส่วนใหญ่ของ GT-R เช่นกัน
NISSAN SKYLINE GT-R R35 ครอบคลุมการรับประกัน
การบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาฟรีอาจไม่ได้มีความหมายมากนักสำหรับคนที่สามารถซื้อ GT-R ได้ แต่คู่แข่งบางรายเสนอให้ในขณะที่ Nissan ไม่มี ระยะเวลาการรับประกันแบบ จำกัด นั้นสั้นกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ที่มีระยะเวลาสี่ปีหรือ 50,000 ไมล์
เครื่องยนต์ของ NISSAN SKYLINE GT-R R35
NISSAN ได้จัดการปรับปรุงเพิ่มเติมโดยใช้ระบบกรองไอเสียใหม่ เพื่อช่วยให้การตอบสนองของเครื่องยนต์ในรอบต่ำถึงกลางดีขึ้น และสามารถลดอัตราปล่อยไอเสียลงได้ 3 กรัม ซึ่งจะอยู่ที่ 295 กรัม/กิโลเมตร โดยผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ EURO 5 ที่เข้มงวดของสหภาพยุโรป และ NISSAN SKYLINE GT-R R35 จะใช้เครื่องยนต์ V6 TWIN-TURBO DOHC 24 วาล์ว ขนาด 3.8 ลิตร ให้พละกำลัง 485 แรงม้า โดยใช้รหัส VR38DETT ซึ่งทำจากอลูมิเนียม GT-R มีเวลา 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงซึ่งได้รับการบันทึกไว้ต่ำสุด 2.7 วินาทีแม้ว่า Nissan จะไม่ได้ระบุเวลา 0-62 ไมล์ต่อชั่วโมงในโบรชัวร์ GT-R ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามคราวนี้เทียบได้กับรถไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดเช่นเดียวกับ Tesla Model S ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในขณะที่รถคันนั้นเป็นรถหรูที่วิ่งเร็วเป็นเส้นตรง GT-R ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาโดยมอเตอร์สปอร์ตเพื่อส่งมอบ กริปใกล้ไม่แตกหักและเกี่ยวข้องกับการจัดการ
ขุมพลังมาจากเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ เรียกว่า VR38DETซึ่งได้รับการอัปเกรดเมื่อเวลาผ่านไปโดยมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 473bhp เมื่อเปิดตัวในปี 2550 เป็น 562bhp หรือ 592bhp ใน GT-R Nismo GT-R ทุกคันมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 6 สปีดพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ มีเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิปแดมป์แบบปรับได้และอุปกรณ์ช่วยคนขับอิเล็กทรอนิกส์บนรถที่ช่วยเคลื่อนกำลังระหว่างล้อเพื่อให้เกิดการยึดเกาะและการยึดเกาะที่เหลือเชื่อแม้ว่ารถยนต์รุ่นหลังจะได้รับการปรับแต่งเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เกี่ยวข้องมากขึ้นให้แก่ผู้ที่ขับขี่
