รีวิว LAMBORGHINI HURACAN ตอบสนองการขับขี่ทุกรูปแบบ

     ถ้าหากจะอยากได้รถดีๆ สักคันคงต้อง LAMBORGHINI HURACAN แต่ด้วยราคาที่แสนจะแพงและไม่ใช่ว่าใครจะได้ครอบครองไปง่ายๆ ทำให้LAMBORGHINI HURACAN กลายเป็นรถที่หลายคนจับตามองและหมายปองกันมากที่สุดวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับLAMBORGHINI HURACANไปพร้อมๆกัน

LAMBORGHINI HURACAN ออกแบบในส่วนของภายนอกมาให้มีรูปโฉมที่เน้นอารมณ์มีความลื่นไหลลู่ลม ด้วยสไตล์ของ LAMBORGHINI จะออกแบบมาเป็นเหลี่ยมสันเส้นสายลงตัวอย่างเป็นเอกลักษณ์ โดยมิติภายนอกของรถนั้นจะมีความกว้าง 1,924 มิลลิเมตร ความยาว 4,459 มิลลิเมตร และความสูง 1,165 มิลลิเมตร ออกแบบมาด้วยโครงสร้าง CHASSIS HYBRID รูปแบบใหม่ผสานกับวัสดุ CARBON FIBER และอลูมิเนียมเข้าด้วยกัน จึงทำให้ CHASSIS มีน้ำหนักที่เบากว่า และก็ยังช่วยให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้นอีกด้วย

ภายในของ LAMBORGHINI HURACAN

     ออกแบบด้วยการเน้นให้มีความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ ที่เป็นทรงหกเหลี่ยม ซึ่งผู้ขับขี่นั้นสามารถควบคุมและใช้อุปกรณ์นี้ได้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียว ส่วนการคุมฟังก์ชันในการขับขี่ต่าง ๆ นั้นถูกรวบรวมไว้ที่บริเวณของพวงมาลัย ให้อารมณ์เดียวกับรถแข่งในสนาม แต่ก็ยังคงไว้ความสวยหรูและสะดวกสบายสไตล์รถสปอร์ตอยู่ โดยใช้วัสดุและการตกแต่งชั้นเยี่ยม เบาะหุ้มนั้นเป็นหนังแท้ รวมถึงที่จับประตูถึงด้านบนของคอนโซลที่ผลิตออกมาด้วยความประณีต

LAMBORGHINI HURACAN LP 610-4

     ใช้นะบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ HYDRAULIC MULTI-PLATE CLUTH ซึ่งเป็นระบบควบคุมอัตโนมัติ โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V10 มีความจุ 5.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ และแรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ โดยส่งกำลังผ่านระบบเกียร์คลัตช์คู่ LDF 7 SPEED ซึ่งสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3.2 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ต้องบอกว่า LAMBORGHINI HURACAN LP 610-4 และ LP 580-2 นั้นใช้ระบบหยุดการทำงานของกระบอกสูบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบอกสูบเป็นครั้งแรกเลย ในเครื่องยนต์ V10 โดย 5 สูบ จากทั้งหมด 10 กระบอกสูบจะหยุดทำงานทันที เมื่อเครื่องยนต์นั้นไม่ได้ใช้งานเต็มกำลัง และจะสวิตซ์กลับมาที่ระบบ 10 สูบ และถ้ามีการเร่งเครื่องยนต์ ระบบนี้ก็จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษต่ำอีกด้วย ซึ่ง HURACAN LP 610-4 และ LP 580-2 ภายในนั้นแทบจะเหมือนกันเลย จะแตกต่างตรงที่เครื่อง LP 610-4 นั้นจะมีแรงม้าและแรงบิดที่มากกว่า และพละกำลังอัตราเร่งนั้นก็ตอบสนองได้เร็วกว่าด้วย อีกทั้งยังยึดเกาะถนนได้ดีด้วย ทำให้ผู้ขับขี่นั้นมีความมั่นใจมากขึ้นในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะการขับขี่ที่เข้าโค้ง สามารถควบคุมได้ง่ายและคล่องตัว ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้นและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้สามารถปรับได้อัตโนมัติ ต้องบอกว่าตอบสนองการขับขี่หลายรูปแบบจริง ๆ