LAMBORGHINI AVENTADOR

LAMBORGHINI AVENTADOR

LAMBORGHINI AVENTADOR

รีวิว LAMBORGHINI AVENTADOR สุดยอดซุปเปอร์คาร์ที่คนทั่วโลกรู้จักดี

     สุดยอดซูเปอร์คาร์ตัวท็อป รถในฝันของใครหลายคน จะเป็นอย่างไรวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ LAMBORGHINI AVENTADOR มาฝากกัน

     LAMBORGHINI AVENTADOR LP-700-4 ถูกออกแบบโดย FILLIPPO PERINI เป็นชาวอิตาเลียนแท้ ๆ เลย โดยชื่อของ AVENTADOR นั้นมาจากชื่อของวัวกระทิงที่ได้รับรางวัล TROFEO DE LA PENA LA MADRONELA ในปี 1993 จากความดุดันที่เป็นนักสู้โดยสายเลือดนั่นเอง ถ้าสังเกตกันดี ๆ DAYTIME RUNNING LIGHT จะเป็นรูปตัว Y ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ LAMBORGHINI ส่วนล้อและยางของ AVENTADOR จะไม่เท่ากัน ด้านหน้าจะเป็นขอบ 19 ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นขอบ 20 เบรกนั้นเป็นแบบ CARBON CERAMIC ขนาดใหญ่พร้อมกับคาลิปเปอร์เบรกเป็นสีดำ รูปทรงของฝาถังน้ำมันจะเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม และเส้นสายในรถจะมีทรงหกเหลี่ยมเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์  LAMBORGHINI

ดีไซน์ที่ทรงพลังของตัวรถ

     ในส่วนของด้านท้ายนั้นไม่มีปุ่มที่สามารถยกได้ จะยกก็ต่อเมื่อมีแรงกด หรือ DOWNFORCE รถจะทำงานเองโดยอัตโนมัติเพื่อให้สมดุลกับการเบรกและเร่ง ส่วนไฟท้ายนั้นเป็นวายเครป และมีท่อไอเสียขนาดใหญ่มาก โดยมีถึง 4 ท่อเลย แต่รถรุ่นนี้จะมองหลังยากมากเลยต้องมีกล้องด้านหลังนั่นเอง

ส่วนการเปิดฝาท้ายของรถรุ่นนี้คือต้องมาที่เบาะข้างคนขับและล้วงเข้าไปเพื่อพับเบาะลง เครื่องยนต์ V12 DOHC 48 วาล์ว VVT ที่ขึ้นชื่อของ LAMBORGHINI ส่วนพวงมาลัยและหน้าจอตรงกลางก็เป็นมาตรฐานที่ไม่ต่างจาก AVENTADOR รุ่นอื่น เบาะรถนั้นทำจาก ALCUNTARA สีส้ม และมีปุ่มโหมด STRADA, SPORT และ CORSA สามารถกดเลือกได้ โดยลักษณะการทำงานของเกียร์นั้นจะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับ คือโหมด STRADA สำหรับวิ่งบนถนน โหมด SPORT สำหรับเพื่อความเฉียบคมขึ้น และโหมด CORSA สำหรับวิ่งบนแทร็ค ระบบกันสะเทือนแบบก้านกระทุ้ง (PUSH ROD) แบบรถสูตรหนึ่ง ช่วงล่างปีกนกคู่ พร้อมติดตั้ง DIFFERENTIAL ที่ทำงานร่วมกับระบบป้องกันการลื่นไถลและระบบควบคุมการทรงตัว ESP และปุ่มเครื่องเสียงมี RADIO, MEDIA, NAME และ TELEPHONE ภายในรถก็ยังมีเก๊ะขนาดเล็กที่อยู่ด้านหน้าด้วย

ขุมพลังของ LAMBORGHINI AVENTADOR

     ในส่วนของขุมพลังนั้นมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ V12 สูบ มีความจุ 6.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดถึง 700 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 70.311 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุดถึง 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ AMT 7 จังหวะ ISR พร้อมคลัตช์คู่ ความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ประมาณ 0.5 วินาที โดยรุ่นนี้ได้ผลิตออกมาทั้งหมด 4,000 คันทั่วโลก

RELATES POST