KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ

KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ

KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ

     KOENIGSEGG มีความต้องการที่จะพัฒนาไฮเปอร์คาร์ด้วยการฉีกกฎแบบเดิมที่เคยมีมาของทางค่าย โดยทาง KOENIGSEGG ได้พัฒนาให้ KOENIGSEGG GEMERA รุ่นนี้เป็นรถไฮเปอร์คาร์แบบ 4 ที่นั่ง ซึ่งได้พัฒนาให้มีความแปลกใหม่และหลุดจากข้อจำกัดเดิม ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ขับขี่ และได้จำกัดความของรถรุ่นนี้ว่าเป็น “MEGA-GT” ซึ่งห้องโดยสารนั้นมีขนาดกวางขึ้นและมีขุมพลังที่เร้าใจ และด้วยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้สั่งสมประสบการณ์ในการสร้างรถ HYPERCAR ประสิทธิภาพสูงสุดนับตั้งแต่การถือกำเนิดของ บริษัท

     เมื่อกว่า 25 ปีก่อน KOENIGSEGG ได้รับการผลักดันเพื่อสร้างสุดยอดรถยนต์สมรรถนะสูงแม้จะเป็นแบบสี่ที่นั่ง แต่ GEMERA ก็ทำได้ดีกว่า MEGACARS สองที่นั่งส่วนใหญ่ทั้งแบบเผาไหม้และแบบไฟฟ้า ถึงกระนั้นจุดสนใจของ GEMERA คือการเดินทางบนถนนสาธารณะระยะไกล – การเดินทางเป็นครอบครัวด้วยความสะดวกสบายสไตล์และความปลอดภัยพร้อมประสิทธิภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนสมรรถนะสูงมาอย่างยาวนาน20กว่าปี ก็ได้เผยโฉม KOENIGSEGG GEMERA ใหม่รุ่นนี้ออกสู่สายตาคนทั่วโลก ซึ่งจะมอบประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้ที่ได้ขับขี่รถรุ่นนี้ และหลุดจากข้อจำกัดเดิม ๆ ด้วยการเป็นรถ HYPERCAR ที่มีสมรรถนะสูง ซึ่งมีความแรงระดับ 1,700 แรงม้าเลยทีเดียว

KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ

ดีไซน์ภายนอก

     ด้านหน้านั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจาก KOENIGSEGG CC ในปี 1996 มีช่องดักอากาศที่มีขนาดใหญ่เชื่อมติดกัน 2 ฝั่ง ชุดไฟหน้าเป็นแบบ LED แบบ 5 เลนส์ การดีไซน์ภายนอกที่เน้นความโฉบเฉี่ยว กระจกด้านหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ส่วนประตูจะเป็นแบบปีกนก ด้านหลังจะมีชุดไฟท้ายแบบ LED เช่นเดียวกัน สปอยเลอร์หลังแบบ BUILT-IN และดิฟฟิวเซอร์ใต้เปลือกกันชนหลัง นอกจากนี้ยังมีกระจกบังลมหลังขนาบข้างด้วยปลายท่อไอเสียที่เป็นทรงกลมรี และตัวถังนั้นได้ดีไซน์แบบ MONOCOQUE โดยผลิตจากวัสดุคาร์บอนชนิดพิเศษที่มีความแข็งแรง ทนทาน

     สำหรับรูปแบบตัวถังของ KOENIGSEGG GAMERA จะเป็นแบบ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ไร้เสา B-PILLAR โดยโครงสร้างของตัวถังและเปลือกตัวถังภายนอกนั้นได้ใช้วัสดุ CARBON FIBER ซึ่งจะมีน้ำหนักเบา ในส่วนของ SUB-FRAME ด้านหน้าและด้านหลังนั้นผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียม ส่วนล้อจะเป็นแบบ AIRCORE CARBON ที่ทาง KOENIGSEGG นั้นได้พัฒนาขึ้นเป็น GENERATION 3 มาพร้อมกับกลไกการล็อกแบบ CENTER LOCKING โดยที่ด้านหน้านั้นมีขนาด 21” x 10.5” และด้านหลังมีขนาด 22” x 11.5” รัดด้วยยาง MICHELIN PILOT SPORT 4S แบบมาตรฐาน และยาง MICHELIN CUP R3 ซึ่งเป็นอ็อพชันเสริม ด้านหน้า ขนาด 295/30 ZR21 ส่วนด้านหลังมีขนาด 317/30 ZR22

KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ
KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ

ภายในห้องโดยสาร

     ไฮเปอร์คาร์ที่มาพร้อมกับ 4 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง ซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุหุ้มหนังสีดำ และหนังกลับแบบ ALCANTARA นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เช่น ช่องวางแก้ว สวิตช์กระจกหน้าต่างไฟฟ้า และมีระบบทำความเย็นและระบบอุ่นร้อนให้ 8 ตำแหน่ง พร้อมกับเครื่องปรับอากาศแบบ 3 โซน อีกทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลขนาด 13 นิ้ว หน้า-หลังอีกด้วย โดยจะมีชุดเครื่องเสียง KOENIGSEGG HIGH-END AUDIO ด้วยลำโพง 11 ตัว รวมซับวูฟเฟอร์ และรองรับการเชื่อมต่อ APPLE CARPLAY มีช่องเชื่อมต่อ USB PORT มาพร้อมกับแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย

KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ
KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ

ด้านขุมพลัง

     KOENIGSEGG GEMERA มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนิน 3 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ “TINY FRIENDLY GIANT” (TFG) โดยให้พละกำลังสูงสุด 598 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-7,000 รอบ/นาที ซึ่งจะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว เวกเตอร์พวงมาลัยและแรงบิดทุกล้อระยะฐานล้อ 3000 มม. ให้ความสะดวกสบายและเสถียรภาพแบบเส้นตรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พวงมาลัยหลังช่วยให้มั่นใจว่า GEMERA เข้ามุมด้วยความคล่องตัวและสามารถบรรลุรัศมีวงเลี้ยวที่เห็นได้เฉพาะในรถยนต์ขนาดเล็กเท่านั้น ด้วยความเร็วสูงพวงมาลัยหลังยังให้การควบคุมทิศทางที่ดียิ่งขึ้น และเมื่อเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันแล้ว จะมีแรงม้าสูงสุด 1,700 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 3,500 นิวตัน-เมตร โดยจะส่งกำลังผ่านเกียร์ SINGLE-SPEED DIRECT-DRIVE ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ

KOENIGSEGG GEMERA ไฮเปอร์คาร์สุดหรู ทะลุอวกาศ

     KOENIGSEGG GEMERA ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 300 คันทั่วโลก โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ และประเทศไทยได้โควตาในการนำเข้า KOENIGSEGG GEMERA จำนวน 4 คัน ซึ่งมีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 110,305,000 บาท

RELATES POST