เปิดประทุน

รถเปิดประทุน แสดงความเป็นเอกลักษณ์บอกไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่


เมื่อพูดถึงรถเปิดประทุนแล้วก็ต้องบอกว่ารถในลักษณะนี้ถือเป็นรถที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ ซึ่งจะมีตัวถังแบบดั้งเดิมและดูสวยสง่าเป็นพิเศษ โดยรถเหล่านี้จะเป็นรถที่หลายคนให้ความใส่ใจและดูแลเป็นอย่างดี เพราะเป็นรถที่ดูน่าทะนุถนอมและมีสไตล์เป็นของตัวเอง ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถเปิดประทุนออกได้ ถือมีความแตกต่างจากรถยนต์ประเภทอื่น ๆ
ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ#รถเปิดประทุน
หลายคนคงทราบแล้วว่ารถเปิดประทุน คือรถยนต์ที่เปิดหลังคาได้ โดยรถประเภท CABRIOLET จะแบ่งเป็นรถยนต์ 2 ที่นั่ง หรือมากกว่า ซึ่งแตกต่างจากรถประเภท ROADSTER ที่จะเน้นเปิดหลังคาและมีเพียงแค่ 2 ที่นั่ง แต่อย่างไรก็ตามรถที่เรียกกันว่า CABRIOLET หรือรถเปิดประทุนนี้มักจะถูกนำมาเรียกในรถยนต์จากฝั่งยุโรปที่มีชื่อเสียงโดยส่วนใหญ่ เรามาดูข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจกันดีกว่า


ยี่ห้อรถเปิดประทุนที่น่าสนใจ

MAZDA MX-5 หากใครกำลังลังเลว่าจะเลือกรถเปิดประทุน ยี่ห้อไหนดี เราขอแนะนำรถเปิดประทุนยี่ห้อ MAZDA เลย โดยรถรุ่นนี้ได้รับการออกแบบตามแนวคิดของ จินบะ อิไต ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคนกับรถ โดยเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้าที่ให้ความรู้สึกว่าทุกอย่างสามารถไปด้วยกันได้ดี ไฟหน้าเป็นแบบ LED เส้นสายเรียบง่ายสบายตา สำหรับห้องโดยสารนั้นจะตกแต่งด้วยสีดำ เบาะนั่งพิเศษสามารถดูดซับเสียง สำหรับราคารุ่น 2.0 RF เกียร์อัตโนมัติ และรุ่น 2.0 RF MT6 เกียร์ธรรมดา ราคา 2,905,000 บาท

LEXUS LC500 CONVERTIBLE รถเปิดประทุนแนวซีดานสปอร์ตที่มีความเท่สูงมาก โดยมีการปรับโฉมใหม่แต่ยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้อยู่ หลังคาผ้าใบมีความหนาเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้โดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังคาผ้ามีความหนาถึง 4 ชั้น ใช้เวลาเปิด-ปิดได้อย่างสะดวกและรวดเร็วเพียง 15 วินาที ในส่วนของไฟหน้าจะเป็นแบบ ULTRA-COMPACT LED TRIPLE-PROJECTOR และไฟส่องสว่างตอนกลางวันทรง L-SHAPE สำหรับราคาจะอยู่ที่ 3,320,000 บาท

MERCEDES-BENZ SL ROADSTER รถเปิดประทุนที่มีรูปโฉมสวยงาม ดีไซน์แนวสปอร์ตหรูหรา โดยใช้วัสดุโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งจะช่วยให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนของไฟหน้า-หลังนั้นเป็นแบบ LED พร้อมไฟเดย์ไลท์ โดยมากับหลังคา VARIO ที่สามารถเปิด-ปิด ในขณะที่รถเคลื่อนที่ในความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตรได้ ถือว่าเป็นรถที่เปิดประทุนได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สำหรับราคารุ่น 300 AMG DYNAMIC ราคา 4,090,000 บาท และรุ่น 400 AMG PREMIUM ราคา 9,490,000 บาท
และนี่คือการรวมรถเปิดประทุนที่น่าสนใจ 3 ยี่ห้อที่เราอยากแนะนำ สำหรับใครที่ชอบรถประเภทนี้ก็สามารถเลือกตัดสินใจได้ว่าจะซื้อรถยี่ห้อไหน เพราะรถเปิดประทุนนั้นก็ยังมีอีกหลายยี่ห้อนอกเหนือจากนี้ และใครที่กำลังสนใจรถรุ่นที่เราเอามานำเสนอก็หวังว่าจะช่วยในการตัดสินได้ง่ายขึ้น


ข้อดีของรถเปิดประทุน

รถเปิดประทุน ข้อดีคือทำให้มีทัศนวิสัยที่ดีขึ้นและลดจุดบอดให้น้อยลง ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้ทำให้รถดูน่าสนใจมากขึ้น สามารถเปิดหลังคาออกและพับเก็บไว้ด้านหลังได้ เมื่อขับรถก็จะได้รับลมแบบเต็ม ๆ เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ชอบความสบายชิลล์ ๆ ซึ่งรถเปิดประทุนถือว่าเป็นรถที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง และสามารถบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว

ข้อเสียของรถเปิดประทุน


รถเปิดประทุน ข้อเสียคือหากไม่มีหลังคาก็จะมีฝุ่นเข้ามาในห้องโดยสารได้ง่ายและเกิดการสะสมสิ่งสกปรก แล้วเวลาขับรถหินที่ใต้ล้อรถหรือเศษซากต่าง ๆ ก็จะเข้าไปในห้องโดยสารได้ง่ายด้วย ทั้งนี้เนื่องจากแรงกดที่อ่อนแอก็ทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น ส่งผลให้เปลืองน้ำมัน แทนที่จะได้ประหยัดน้ำมันแต่กลับต้องมาฟุ่มเฟือย นอกจากนี้รถเปิดประทุนยังต้องเสี่ยงกับทางผ่านที่มีโคลนอีกด้วย ซึ่งสามารถทำให้ตัวรถด้านในเปื้อนโคลนได้และทำความสะอาดได้ยาก

ราคารถเปิดประทุน


สำหรับราคารถเปิดประทุนทุกแบรนด์ที่เราสามารถซื้อได้ในปี 2021 นี้ ในประเทศไทย ซึ่งมีรถหลากหลายแบรนด์ให้เลือก โดยราคาเริ่มต้นนั้นจะอยู่ที่ 2,890,000 – 55,000,000 บาท ซึ่ง MAZDA MX-5 2021 ถือเป็นรุ่นที่มีราคาถูกมากที่สุด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 2,890,000 บาท ส่วนราคาแพงที่สุดนั้นตกเป็นของ FERRARI MONZA SP1 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 55,000,000 บาท

RELATES POST

NETA V ราคา

รู้จักรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน NETA V ราคา สเปค และคุณสมบัติโดนใจคนรักษ์โลก

ในปัจจุบันบริษัทผลิตรถยนต์หลายแบรนด์ได้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ด้วยกระแ

READ MORE
เช็คภาษีรถยนต์

วิธี เช็คภาษีรถยนต์ พร้อมแนะนำการยื่นภาษีออนไลน์ด้วยตัวเองฉบับเข้าใจง่าย 

การต่อภาษีรถยนต์เป็นสิ่งที่ต้องทำทุกปีตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ในกรณีที่ไม่ได้ต่อภาษีรถยนต์นานติดต่อก

READ MORE